สนใจลงโฆษณา ติดต่อ โทร.0-2642-3400 ต่อ 4613
- ตอนเปิดอ่านหน้านี้ก็ใช้ Internet Explorer อีกจอก็เปิด MS Office ทำงาน บน OS Windows ของ "Microsoft"
- ใช้มือถือ iPhone ถ้าไม่ใช้ลองหันไปดูคนรอบข้าง เฮ้ย! มากกว่าครึ่งใช้ iPhone แถมมีบางคนถอย iPad 2 มาสไลด์เล่นแล้ว อ้าวนี่เปิด iTune ฟังเพลงอยู่หรือ นี่มีคนซื้อ "Apple" กินเข้าไปกี่ลูกแล้วนะ
- สำรวจหน้าต่าง Browser หนึ่งในนั้นต้องมี "facebook" เปิดอยู่ ถ้าปิดไปแล้ว ลองกลับไปเปิด History ขึ้นมาดูสิ เฮ้ย - -" เล่น facebook พอๆ (หรือมากกว่า) ทำงานอีกหรือนี่!!!!!
- เชื่อว่า คุณผู้อ่านของ arip หลายๆ ท่าน คงโดนเข้าไปเต็มๆ ทั้ง 3 ข้อ แต่ก็นั่นล่ะ เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้ง 3 แบรนด์ได้สร้างอิทธิพลด้วยการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้คนแทบทั้งโลก แถมดูดเงิน-ผลาญเวลาไปจากเราไปเป็นจำนวนมหาศาล โดน 3 แบรนด์ครอบงำชีวิตในยุคดิจิตอลขนาดนี้ ทำให้อดที่จะไม่พูดถึง 3 ผู้ยิ่งใหญ่ที่ให้กำเนิดนวตกรรมล้ำโลกเหล่านี้ไม่ได้ ว่าแล้ว เรากลับมาทักทายพวกเขากันหน่อยดีกว่า คุณผู้อ่านบางท่านที่ไม่คุ้นเคยกับโลกไอทีมากนัก อาจจะยังไม่ทราบว่า พวกเขาเป็นใคร มาจากไหน หน้าตาเป็นอย่างไร รวยขนาดไหน แล้วไปกินอะไรมาถึงคิดอะไรดีๆ แบบนี้ขึ้นมาได้ ว่าแล้ว ARiP ก็ขอแปลงร่างเป็นนักสืบหัวหลอดไฟ (หัวเห็ดมันไม่เท่ :D) แกะรอยประวัติ 3 ศาสดายุคใหม่เจ้าของลัทธิ "ผลไม้-หนังสือรุ่น-ละมุนจิ๋ว" กันหน่อย แต่ข้อมูลที่น่าทึ่งอึ้งเสี่ยวป้อที่ทั้ง 3 คนทำเพื่อบรรลุในการเป็นศาสดาเหมือนกันก็คือ “การเลิกเรียนกลางคัน” (หรือเรียนไม่จบ ป.ตรี)!!! เดี๋ยวก่อน... ข้อนี้ไม่ใช่คุณสมบัติที่ต้องเลียนแบบกันนะ
แบรนด์ไหนรวยสุด!!!
จากการจัดอันดับมูลค่าแบรนด์ล่าสุดของ Brandz ประจำปี 2011 "Apple" ครองอันดับ 1 แบรนด์ที่มีมูลค่ามากสุดขยับจากอันดับ 3 เมื่อปีที่แล้ว ส่วน "Microsoft", "Facebook" ติดอันดับ 5 และ 35 ตามลำดับ แต่ที่น่าตกใจคือ new comer อย่าง facebook เมื่อปีที่แล้วยังไม่ติดใน TOP 100 แต่ปีนี้กระโดดพรวดเดียวมาที่ 35 ด้วยการเติบโตมากกว่า 2 เท่าใน 1 ปี โอ้ว...ทำได้ไงเนี่ย?
แล้วใครรวยกว่าใคร?
ทราบมูลค่าความยิ่งใหญ่ของลัทธิแล้ว ลองมาเปรียบเทียบข้อมูลศาสดาผู้ก่อตั้งกันบ้าง ข้อมูลที่สะดุดตาข้อแรกเลย คืออายุของนาย มาร์คเบอร์สิบ เอ๊ย มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก น้อยกว่าลุงเกตส์กับลุงจ๊อบส์ถึง 2 รอบ แถมมาแรงแซงโค้งเบียดมาเป็นอภิมหาเศรษฐีตั้งแต่อายุยังน้อยกระทบไหล่ลุงๆ พวกนี้ได้ ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ พอหันมาดูข้อมูลลำดับมหาเศรษฐีโลก เอ๊ะทำไมลุงจ๊อบส์ของเราจนจังเลย (8 พันล้านเหรียญฯ) อยู่ตั้งอันดับที่ 110 แนะ ทั้งๆ ที่ไอโฟนไอแพดขายได้เยอะแยะ นับว่าเป็นมหาเศรษฐีที่รู้จักพอเพียงจริงๆ ส่วนเด็กอย่างมาร์คมาที่หลังรวยแซงลุงๆ ไปหมดแล้ว ทางด้านเกตส์ยิ่งบริจาคยิ่งรวย ปัจจุบันยังครองอันดับ 2 อยู่เลย อู้หู!!! รวยกันจริงๆ
เรียนไม่จบ ชีวิตไม่บัดซบ!!!
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหมือนกันของบุคคลทั้งสามก็คือ การเรียนไม่จบป.ตรี แต่เดี๋ยวก่อน การที่พวกเขาเรียนไม่จบไม่ใช่เพราะเรียนสู้เพื่อนไม่ได้ หรือไปแว๊นต์จนโดนไล่ออกหรอกนะ แต่เพราะสิ่งที่ได้ทำระหว่างเรียนดันสร้างรายได้มหาศาล เรียนจบไปทำงานตามวุฒิเงินเดือนก็คงไม่มีทางรวยได้เท่านี้ ว่าแล้วทั้ง 3 ก็ตัดสินใจออกไปบริหารกิจการตามความฝันของตัวเองดีกว่า ในเมืองไทยก็มีนักธุรกิจเรียนไม่จบ แต่สามารถประสบความสำเร็จโด่งดังหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เจ้าของเถ้าแก่น้อย หรืออดีตผู้บริหารชาเขียวโออิชิ เป็นต้น
ที่เรานำเรื่องของพวกเขามาเล่าสู่กันฟัง เพราะต้องการจะบอกกับคุณผู้อ่าน (เตือนตัวเองด้วย - -") ว่า "3 คนนี้ แม้จะเรียนไม่จบ แต่ประสบความสำเร็จในชีวิต แล้วเรามนุษย์เงินเดือนเรียนจบป.ตรี-ป.โท อย่างน้อยก็มีใบปริญญา จงภูมิใจซะ” เอ่อ..ไม่ใช่แล้ว สิ่งที่อยากบอกจริงๆ ก็คือ ใบปริญญาหรือวุฒิการศึกษาไม่ได้เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของคนเราเสมอไป แต่พลังความคิด-ความฝันที่อยู่ในตัวเราเองต่างหากที่เป็นตัวกำหนดความสำเร็จของเรา ทุกวันนี้โลกเราแข่งขันกันทุกระดับ ระดับโลก ระดับประเทศ ระดับบริษัท แม้กระทั่งแข่งกับเพื่อนร่วมงาน แต่ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดอยู่ที่คุณชนะตัวเองได้แล้วรึยังต่างหาก :P
ที่มา http://www.arip.co.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น